เมื่อเราย้อนกลับไปในสมัยประวัติศาสตร์
เมืองกำแพงเพชรของเรานั้นเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงสุโขทัย
มีหน้าที่เป็นเมืองหน้าด่านจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่
เมืองกำแพงเพชรจะได้รับอิทธิทางด้านต่างๆมาจากกรุงสุโขทัย อาทิ เช่น
ด้านการดำเนินชีวิต ด้านการทำการเกษตร ด้านการตั้งถิ่นฐานที่อยู่
ร่วมถึงการได้รับอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมและปะติมากรรมมาได้อย่างชัดเจน ในที่นี้
เราได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปะติมากรรมพระพุทธรูป
โดยได้ศึกษาจากข้อมูลจดหมายเหตุของศาสตราจารย์ ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล จะได้ข้อมูลว่าในสมัยสุโขทัยเราสามารถแบ่งพระพุทธรูปออกเป็น
4 หมวดใหญ่ คือ (1)
หมวดใหญ่ซึ่งมีอยู่ทั่วไปเป็นลักษณะ ของศิลปะสุโขทัยโดยเฉพาะ
มีลักษณะคือพระรัศมีเป็นเปลว ขมวดพระเกศาเล็ก พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโกง
พระนาสิกงุ้ม (ตามแบบมหาบุรุษลักษณะจากอินเดีย ) พระโอษฐ์อมยิ้มเล็กน้อย
พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก กรองจีวรห่มเฉียงชายจีวรยาวลงมาจนถึงพระนาภี
ปลายเป็นลายเขี้ยวตะขาบ อยู่ในปางมารวิชัย ประทับขัด
สมาธิราบฐานเป็นหน้ากระดานเกลี้ยง จะมีลักษณะเฉพาะเป็นพระพุทธรูปจะอยู่ใน 4
อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน และ เดิน
(2)
หมวดกำแพงเพชร พระพุทธรูปสุโขทัยหมวดกำแพงเพชรมีลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับในหมวดใหญ่
แต่จะมีลักษณะที่เด่นไม่ซ้ำที่ใดเลย คือ มีลักษณะพระพักตร์ตอนบนกว้าง พระหนุเสี้ยมจะแคบและมีลักษณะยาว
ขนงเปลือก พระเนตร พระนาสิกและพระโอษฐ์ จะดูมีขนาดเล็ก เป็นลักษณะยาว ค้นพบน้อยเป็นศิลปกรรมที่มีค่าอย่างมากของชาวกำแพงเพชร
(3)
หมวดพระพุทธชินราช มีลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ปรากฏพอประมวลได้คือ
พระพักตร์รูปไข่ มีเปลวบนปลายยอดพระเกตุค่อนข้างสูงกว่าหมวดใหญ่มาก
พระพักตร์ค่อนข้างกลม นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกันบางครั้งมีฐานบัวรองหมวดพิษณุโลกชั้นหลัง
มีลักษณะทรวดทรงยาว ดูไม่มีชีวิตจิตใจ จีวรมีลักษณะแข็งชายจีวรมักทำเป็นรองอๆ
เหมือนกับขมวดม้วนชายผ้า
ส่วนใหญ่มักทำเป็นพระยืนสร้างขึ้นหลังจากที่สุโขทัยตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาแล้ว
(4) หมวดเบ็ดเตล็ดหรือหมวดวัดตะกวน หมวดนี้จะมีลักษณะเป็นแบบผสมคือ
การผสมระหว่างศิลปะแบบเชียงแสน แบบลังกากับแบบสุโขทัยเข้าด้วยกัน
มีลักษณะที่สำคัญที่ปรากฏพอประมวลได้คือ พระพักตร์กลม มีรัศมีแบบลังกา
บางองค์มีชายผ้าสังฆาฏิสั้น พระนลาฎแคบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น